การ์ตูน pixar เรารวมหนัง Annimation ดี ๆ ไว้ให้ท่านได้รับชม

การ์ตูน pixar

การ์ตูน pixar “Finding Dory” อนิเมชั่นเรื่องลำดับที่ 17 ของ Pixar

การ์ตูน pixar ก็กำลังจะฉายในโรงหนังวันที่ 17 เดือนมิถุนายน 2016 นี้ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้มีความคิดเห็นว่า Pixar นั้นเป็นสตูดิโออนิเมชั่นที่ประสบผลสำเร็จสูงที่สุดสตูดิโอหนึ่งในโลก โดยการทำรายได้จากอนิมเชั่นปริมาณ 16 เรื่องรวมกันจนกระทั่งตอนนี้

ได้เกือบจะ 1 หมื่นล้านเหรียญ (โดยประมาณ 3.54 พันล้านบาท) ทั้งโลก นับจากเรื่องราวของมิตรภาพใน Toy Story, การคุ้มครองป้องกันโลกที่ลึกซึ้งใน WALL-E ไปจนกระทั่งการขุดลึกลงไปยังจิตใจของคนเราใน Inside Out ทำให้เห็นว่า Pixar นั้นสามารถประดิษฐ์รายละเอียดที่กระทบต่อความรู้สึกรวมทั้งจิตใจของผู้ชมเจริญมากมายแค่ไหน

ถ้าเกิดนำอนิเมชั่นทั้งหมดทั้งปวงของ Pixar มาจัดลำดับในด้านประสิทธิภาพแล้วก็รายละเอียดแล้วล่ะก็ ท่านจะมองเห็นการเจริญเติบโตของสตูดิโออนิเมชั่นอันดีเลิศที่นี้ได้อย่างเห็นได้ชัด ดังต่อไปนี้ต่อแต่นี้ไป“Cars 2” (2011)เรื่องราวในภาค 2 นี้ นำพา Lightning McQueen (ให้เสียงบรรยายโดย Owen Wilson) รวมทั้ง Mater (Larry the Cable Guy) เริ่มเดินทางจากเมือง Radiator Springs

การ์ตูน pixar

ไปเป็นสายระดับโลก ซึ่งผิดหัวใจนักวิพากษ์วิจารณ์ การ์ตูน pixar  แล้วก็ผู้ชมในวงกว้างเท่าไรนัก กระทั่งทำให้แปลงเป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกของ Pixar ที่ได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes ต่ำที่สุด (39%) “A Bug’s Life” (1998)เป็นอนิเมชั่นเรื่องที่ 2 ของ Pixar โดยเกิดเรื่องราวของมดชื่อ Flink (ให้เสียงบรรยายโดย Dave Foley) ที่เริ่มเดินทางไปสู่โลกด้านนอกเพื่อหาแมลงมาช่วยคุ้มครองป้องกันอาณาจักรมดจากเหล่าตั๊กแตน

แม้อนิเมชั่นหัวข้อนี้จะไปถึงเป้าหมายบนตารางบ็อกซ์สถานที่ทำงาน แม้กระนั้นมันก็เป็นชนวนเหตุให้กำเนิดความหมองใจระหว่าง John Lasseter (ประธาน Pixar) กับ Jeffrey Katzenberg (ประธาน DreamWorks) ด้วยการเปิดฉาย A Bug’s Life ก่อนอนิเมชั่นเรื่อง AntZ ของ

DreamWorks ไปเพียงแต่ 1 เดือนเพียงแค่นั้นThe Good Dinosaur” (2015)นี่บางทีก็อาจจะเป็นเลิศในอนิเชั่นที่เป็นจริงเป็นจังแล้วก็มืดหม่นหมองที่สุดของ Pixar เลยก็ว่าได้ ด้วยเรื่องราวการเสี่ยงภัยเพื่อก้าวผ่านผ่านวัยเด็กมาเป็นวัยผู้ใหญ่

(Coming-of-Age) ของไดโนเสาร์ Apatosaurus แล้วก็เด็กผู้ชายตัวน้อยที่มีชื่อว่า Spot ที่จะต้องด้วยกันค้นหาทางกลับไปอยู่ที่บ้าน ซึ่งบางครั้งก็อาจจะไม่ต้องใจพอๆกับ Inside Out ที่เปิดฉายไปก่อนในปีเดียวกัน “Brave” (2012)ถือได้ว่าเป็น “ความกล้าหาญชาญชัย” (สมกับชื่อ)

ที่จะดำเนินรอยตามอนิเมชั่นในอดีตกาลของ Disney โดยมีตัวละครหลักเป็นเจ้าฟ้าหญิงที่ความเอาจริงเอาจังสูงที่สุดในบรรดาอนิเมชั่นทั้งปวงของ Pixar แต่ว่ามันกลับไปได้ไม่ไกลนักCars” (2006)อนิเมชั่นเรื่องในที่สุดที่ Pixar สร้างเป็นอิสระ ก่อนจะถูกซื้อไปโดย Disney เกิดเรื่องราวของรถยนต์ซิ่งหัวรั้นที่จำต้องค้นหาความมีมนุษยธรรมแล้วก็มิตรภาพที่จริงจริงในประเทศราชสนิมอันไกลห่างที่แปลงเป็นบ้านข้างหลังใหม่ของเขา

เป็นอนิเมชั่นแนวฟีลกู้ด (Feel-Good) ที่เดินเรื่องตามกรอบทั้งสิ้นMonsters University” (2013)อนิเมชั่นภาคต่อของ Minster, Inc. ที่ทำออกมาได้น่าค่อนข้างจะน่าประทับใจกับอ่อนราวก่อนที่จะ Mike (Billy Crystal) รวมทั้ง Sully (John Goodman) จะด้วยกันเผชิญภัยในภาคแรก

ด้วยเรื่องราวในรั้ววิทยาลัยของเหล่ามอนส์เตอร์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากต่อการ

ที่จะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่ว่าอนิเมชั่นประเด็นนี้กลับดำเนินเรื่องได้อย่างมุ่งมั่น แจ้งชัด แล้วก็มีตอนจบที่ทรงประสิทธิภาพเอามากๆ

10. “Toy Story 2” (1999)อนิเมชั่นภาคต่อของ Toy Story ที่นำพาให้ Woody (Tom Hanks) ถูกนำออกมาขายเป็นของเล่นหายากราค้างแพง และก็มิตรแท้อย่าง Buzz (Tim Allen) และก็เหล่าของเล่นเด็กอื่นๆก็ต้องหาทางช่วยเขาให้ได้

เหมือนกับภาคแรก อนิเมชั่นประเด็นนี้เต็มไปด้วยแอ็คชั่นรวมทั้งดราม่าจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเรื่องราวของเหล่าของเด็กเล่นพลาสติกชิ้นเล็กๆ การ์ตูน pixar พวกนี้ยังไม่จบสิ้นกล้วยๆ

การ์ตูน pixar

9. “Monsters, Inc.” (2001)ผลงานการดูแลเรื่องแรกของ Pete Doctor (Up และก็ Inside Out) ซึ่งเกิดเรื่องราวของเหล่าสัตว์แปลกที่ใช้เสียงกรีดของเด็กๆมาสร้างเป็นพลังงานให้แก่เมือง

ซึ่งการดำเนินเรื่องนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแล้วก็อบอุ่นหัวใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า Pixar สามารถประดิษฐ์เรื่องราวได้มากมาย ไม่ใช่แค่ Toy Story สิ่งเดียว แล้วก็การให้เสียงบรรยายโดย Billy Crystal รวมทั้ง John Goodman นั้นก็อีกสิ่งสาเหตุที่ทำให้อนิเมชั่นประเด็นนี้บรรลุเป้าหมาย

8. “Toy Story 3” (2010)ถือว่าเป็นอนิเมชั่นที่น่ายกยอเยอะที่สุดเรื่องหนึ่งสำหรับภาคที่ 3 ของ Toy Story ที่น่าประทับใจและก็สะกิดต่อมน้ำตาได้มากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ แถมยังชนะรางวัลออสการ์สาขาอนิเมชั่นดีที่สุดอีกด้วย

7. “The Incredibles” (2004)Pixar สามารถเปลี่ยนแปลงแนวมาเล่าที่โตขึ้นได้อย่างดียิ่ง ด้วยเรื่องราวของซูเปอร์วีรบุรุษที่ได้ใส่ใจว่าการแต่งงานอยู่ใกล้เคียงจะยิ่งทำให้เขายิ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งการเล่นกับอารมณ์ลึกซึ้งจากที่ Pixar ถนัดเป็นอย่างยิ่ง

6. “Up” (2009)อนิเมชั่นประเด็นนี้เป็นตัวอย่างของคำว่า “เพอร์เฟ็ค” ของเรื่องราวในแบบคนแก่ที่ Pixar ตอกย้ำซ้ำเติมให้มองเห็นสิ่งที่ฮอลลีวู้ดเคยตั้งมั่นในอดีตกาล โดยพุ่งประเด็นไปที่เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นและไม่บางทีอาจตัดใจได้ของชายแก่ที่เริ่มเดินทางไปบนบ้านลอย

ได้ของเขาเพื่อตามหาสถานที่ที่เมียผู้วายชนม์ต้องการจะไป ซึ่งดูแล้วเชื้อเชิญให้เจ็บปวดรวดร้าวหัวใจและก็เข้าใจในเรื่องการปล่อยวางในชีวิตไปพร้อมเพียงกันอนิเมชั่นประเด็นนี้สร้างได้อย่างดียิ่งเสียจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการสาขาภาพยนตร์ดีเท่ากันกับภาพยนตร์ที่มีคนแสดงจริงในปีนั้นอย่างยิ่งจริงๆ

5. “Inside Out” (2015)อนิเมชั่นรางวัลออสการ์สาขาอนิเมชั่นดีเรื่องปัจจุบันของ Pixar ซึ่งเกิดเรื่องราวการเฝ้าดูเด็กหญิงเติบโตขึ้นผ่านสายตาแล้วก็ความนึกคิดของเหล่าอารมณ์ในจิตใจ, การ์ตูน pixar การเดินทางเพื่อคนหาตัวตนที่จริงจริง และก็ตอนสุดท้ายที่บีบอารมณ์ได้อย่างงดงามไม่มีที่ว่ากล่าว

4. “Toy Story” (1995)อนิเมชั่นเรื่องแรกของ Pixar ซึ่งดูแลโดย John Lasseter และก็เป็นหมุดหมายสำคัญให้กับอนิเมชั่นเรื่องอื่นๆของสตูดิโอถัดไป โดยปรับปรุงเรื่องราวให้ไปไกลมากกว่าที่อนิเมชั่นเรื่องอื่นๆเคยทำ และก็ระบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิกอันดีเยี่ยมที่สุดก็เป็นราวกับจุดจบยุครุ่งโรจน์

ของอนิเมชั่น Disney ที่วาดด้วยมือFinding Nemo” (2003)ด้วยเสียงบรรยายที่แสนตลกขบขันรวมทั้งกระทบกระแทกแดกดันของ Albert Brooks รวมกับเสียงไพเราะๆไม่รู้เดียงสาของ Ellen DeGeneres แล้วก็ภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิกของโลกใต้น้ำที่สวยสดงดงามที่สุด ทำให้ Finding Nemo เปลี่ยนเป็นอนิเมชั่นที่ทุกคนหลงใหล รวมทั้งปัดกวาดรายได้บนตารางบ็อกซ์สำนักงานอย่างถล่มทลาย

2. “Ratatouille” (2007)นี่เป็นตัวอย่างอันเยี่ยมที่สุดสำหรับการนำเอาศิลป์มารวมกับการตลาด ด้วยภาพโทนสีน้ำมันที่ถูกใช้เป็นหลักข้างหลังของครัวในห้องอาหารที่นครกรุงปารีสได้อย่างชาญฉลาด แล้วก็นี่เป็นอนิเมชั่นที่เต็มไปด้วยอารมณ์ด้ามจับจำต้องได้มากที่สุดเท่าที่ Pixar หรือสตูดิโออื่นๆเคยสร้างมา

1. “WALL-E” (2008)ผลงานการดูแลของ Andrew Stanton (Finding Nemo) ซึ่งเกิดเรื่องราวอันน่าประทับใจเพื่อชื่นชมแวดวงภาพยนตร์ในสมัยก่อน (หนังใบ้รวมทั้งภาพยนตร์เพลง) พร้อมที่จะจัดส่งสาส์นถึงผู้ชมให้ตระหนึกถึงการร่วมแรงกันรักษาโลกใบนี้ (รวมทั้งสุขภาพของพวกเราด้วย) ที่ถูกทำลายลงไปอย่างเร็วด้วยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมในตอนนี้

จริงอยู่ที่ Pixar มีความสามารถสำหรับในการทำให้ผู้ชมรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยผู้แสดงแล้วก็ข้าวของที่มีอยู่ในเรื่องราวอยู่แล้ว แม้กระนั้น WALL-E นั้นกลับมีจุดเชื่อมโยงที่ให้ผู้ชมคิดว่าตัวมันมีชีวิตอยู่จริงๆสัมผัสได้จริงๆซึ่งนับได้ว่าเป็น “กรรมวิธีเล่าที่ดีเยี่ยมที่สุด” เลยก็ว่าได้หนังเรื่องปัจจุบันของ

Pixar อย่าง Coco กำลังจะเข้าฉายในบ้านพวกเราแบบเต็มพิกัดในอาทิตย์นี้ อนิเมชั่นลำดับที่ 19

หัวข้อนี้เล่าถึงดนตรีกับเทศกาลที่ความตาย (Los Dias de los Muertos) ซึ่งมีคนไม่ใช่น้อยที่ได้รับดูไปรวมทั้งชื่นชอบรวมทั้งคาดว่าหนังจะไปได้ถึงออสการ์เลยล่ะ

ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ทาง Pixar เองก็ผ่านขั้นตอนต่างๆ การ์ตูน pixar กันมากไม่น้อยเลยทีเดียวอยู่ทีเดียวเชียว เพราะว่าถ้าอย่างนั้นในวันนี้พวกเราขอเสนอเรื่องน่าสนใจของทาง Pixar มาให้อ่านกัน พวกเรามั่นใจว่าคุณจะได้มีความคิดเห็นว่ากว่าที่พวกเขาจะมาถึงจุดๆนี้ได้ พวกเขาได้ผ่านอะไรมามากมาย ในฐานะผู้กรุยให้อนิเมชั่นที่สร้างขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์กราฟิก และก็เหมือนกับพวกเขาไม่คิดที่จะหยุดเฉยๆด้วย หากว่าหลายท่านจะเริ่มคิดว่า ข้างหลังๆพวกเขาเอาบุญเก่ามาหาเอาเปรียบไปหน่อยก็ตามแต่

การ์ตูน pixar

1. Pixar แรกเริ่มเป็นแผนกของ Lucasfilmตอนแรก Pixar ยังไม่ใช่สตูดิโออนิเมชั่นสุดกำลัง แต่ว่า แต่ก่อนแล้ว Pixar เป็นแผนกคอมพิวเตอร์กราฟิก หรือถ้าเกิดพูดว่าเป็นแผนกปรับปรุงเครื่องมือสำหรับอนิเมชั่นด้วยคอมพิวเตอร์ที่จัดตั้งเมื่อปี 1979 ของทาง Lucasfilm คงจะถูกกว่า งานระยะแรกของกลุ่มก็คืองานทำเอฟเฟกต์ให้กับหนังเรื่องอื่นๆอีกทั้งของ Lucasfilm เองอย่าง Star Wars : Return Of The Jedi หรือหนังเรื่องอื่นอย่าง Young Sherlock Holmes เป็นต้น

แต่ว่า Lucasfilm ก็ถูก Disney ซื้อไปในปี 2012 นำมาซึ่งการทำให้ในขณะนี้ทั้งคู่บริษัทกลับมาเป็นบริษัทลูก (ของดิสนีย์) เคียงคู่กันอีกรอบอนิเมชั่นเรื่องแรกของพวกเขาไม่ใช่ Luxo Jr.ด้วยเหตุว่าพวกเราเห็นภาพของ Luxo Jr. หรือโคมจิ๋วก่อนที่จะหนัง Pixar จะฉายทุกเรื่องก็เลยมีคนรู้ผิดว่า

อนิเมชั่นสั้นของเจ้าโคมควรเป็นงานชิ้นแรกของ Pixar แน่ๆ แม้กระนั้นที่จริงแล้วไม่ใช่นะ อนิเมชั่นเรื่องแรกของค่ายเป็นอนิเมชั่นขนาดสั้น 2 นาทีที่ผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 1984 หรือราว33 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหากเอามามองเดี๋ยวนี้ภาพบาง

ครั้งอาจจะไม่ว้าว แม้กระนั้นในสมัยนู้นนับว่าโคตรล้ำแม้กระนั้น Luxo Jr. ก็เป็นครั้งแรกของหลายๆสิ่งLuxo Jr. เป็นอนิเมชั่นขนาดสั้นออกมาฉายในปี 1986 ภายหลังที่ Steve Jobs กระทำซื้อ Pixar ไปแล้ว ตัวงานนับได้ว่าเป็นงานเรื่องแรกที่สร้างชื่อให้คนสามัญรู้จัก Pixar

ในฐานะสตูดิโออนิเมชั่น เป็นอนิเมชั่นจากคอมพิวเตอร์สุดกำลังเรื่องแรกที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ แล้วก็ได้รางวัลออสการ์ในปีนั้น นับได้ว่าเป็นหนแรกที่ดีของพวกเขาเลยล่ะอ๋อ ส่วนทีแรกของ Luxo Jr. ที่ปรากฎตัวมาเหยีบตัว I ก่อนเข้าฉายหนังของ Pixar

เป็นเรื่อง A Bug’s Life ส่วนโลโก้ก่อนหน้านั้นเป็นรูปเหลี่ยมๆ fmore  มีรอยยุบกึ่งกลางซึ่งเอามจากตัวคอมพิวเตอร์ Pixar Image Computer ที่สร้างชื่อให้พวกเขานั่นเองผู้จัดตั้ง Pixar ไม่ใช่ John Lasseter และก็ Steve Jobs นะถึง John Lasseter จะเป็นพนักงานคนสำคัญของ Pixar แล้วก็เป็นเลิศในคณะทำงานเดิมแต่ว่าเขาก็ไม่ใช่ผู้จัดตั้ง Pixar และก็ถ้าเกิดจะใช้คำว่าผู้จัดตั้งกับ Steve Jobs ที่เข้ามาซื้อ Pixar

ในวันหลังก็อาจจะผิดจำต้องมากแค่ไหนนัก ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเราจำต้องขออ้างอิงตามเอกสารการค้าขายบริษัท Pixar ที่มีการเจาะจงไว้แจ่มแจ้งว่า ผู้จัดตั้งร่วมของ Pixarเป็นEdwin Catmull กับ Alvy Ray Smithปัจจุบันนี้ Edwin Catmull เป็นประธานของ Pixar รวมทั้ง Walt Disney Animation Studios (อันเป็นผลพวงจากการซื้อบริษัท) ส่วน Alvy Ray Smith ออกมาจาก Pixar ไปตั้งแต่แยกตัวจาก LucasArts

ไม่นาน ต้นสายปลายเหตุการออกจากบริษัทนั้น… การ์ตูน pixar ถูกบรรยายผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของ Steve Jobs กับ หนังสือที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของ Pixar ว่า … ด้วยเหตุว่า Alvy โต้แย้งกับ Steve Jobs เรื่องใช้ไวท์กระดานที่ธรรมดาแล้วมีเพียงแค่ Steve ใช้ผู้เดียว จนถึงเรื่องแย่ลงกว่าเดิมเปลี่ยนเป็นการลาออก ทั้งที่เป็นผู้ร่วมริเริ่มตั้งขึ้นบริษัท

ดังนี้ ผู้จัดตั้งทั้งคู่คนมิได้เป็นอนิเมเตอร์โดยตรง อย่าง Edwin Catmull ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ส่วน Alvy Ray Smith ก็จบด้านวิศวกรรมไฟฟ้า แต่ว่าท้ายที่สุดทั้งคู่ท่านนี้ต่างออกแบบโปรแกรมแล้วก็คอมพิวเตอร์ด้านกราฟฟิคสุดท้าย